Trang chủ / Flowers / ดอกฮิกันบานะ คืออะไร? ความหมาย ความเชื่อ และความงามลึกลับของดอกไม้สีแดงแห่งญี่ปุ่น

ดอกฮิกันบานะ คืออะไร? ความหมาย ความเชื่อ และความงามลึกลับของดอกไม้สีแดงแห่งญี่ปุ่น

Xuất bản: 06/04/2025 - Tác giả: admin

ดอกฮิกันบานะได้ปรากฏอยู่ไม่น้อยในบทกวี เนื้อเพลง หรือแม้แต่ในฉากภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของความเศร้าและการพลัดพรากของคู่รัก แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า ดอกไม้ชนิดนี้มีอยู่จริงหรือเปล่า?

หากคุณอยากรู้คำตอบ และต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับดอกฮิกันบานะให้มากยิ่งขึ้น อย่ารอช้า มาติดตามบทความด้านล่างนี้ไปพร้อมกับเราเลยค่ะ

ดอกฮิกันบานะคืออะไร?

ดอกฮิกันบานะคืออะไร?

ที่มาและความหมายของดอกฮิกันบานะ

ดอกฮิกันบานะ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycoris Radiata (หรือ Spider Lily) เป็นดอกไม้ที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น ดอกลองเจ่าฮวา, ม่านจูซาฮวา, หงฮวาเซ็คซวน เป็นต้น ดอกไม้ชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนและญี่ปุ่น จึงมักปรากฏในบทกวี เพลง และภาพยนตร์ของทั้งสองประเทศ

ความหมายของดอกฮิกันบานะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ เช่น ในญี่ปุ่น ดอกนี้เป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำที่โศกเศร้าและสิ้นหวัง ในเกาหลี ดอกนี้แสดงถึงความคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกล ส่วนในจีน ดอกฮิกันบานะสื่อถึงการพรากจากและการสูญเสีย

โดยรวมแล้ว ดอกฮิกันบานะเป็นดอกไม้ที่แฝงไปด้วยความเศร้า ความพลัดพราก และการสูญเสีย มันยังเปรียบเปรยถึงความรักที่เป็นเพียงภาพลวงตา ความรักที่หมดวาสนาแล้วก็ควรปล่อยวาง มิฉะนั้นจะยิ่งเจ็บปวด

ดอกฮิกันบานะยังเป็นดอกไม้มีพิษ โดยเฉพาะในหัวของมัน จึงมีคำเปรียบเปรยว่า “ความรักก็เหมือนยาพิษ ยิ่งจมลึก ยิ่งเจ็บปวด”

ตำนานของดอกฮิกันบานะ

ในอดีตกาล ม่านจู และ ซาฮวา เคยเป็นดวงวิญญาณคู่หนึ่ง แต่ไม่อาจรักหรือพบกันได้ เพราะเป็นสิ่งต้องห้ามของสวรรค์ ด้วยความโหยหา พวกเขาจึงฝ่าผืนกฎสวรรค์ มาพบกันและให้คำสัญญาว่าจะไม่พรากจากกันอีก

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกลงโทษให้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ กลายเป็นใบไม้และดอกไม้ของต้นไม้เดียวกัน โดยมีรูปลักษณ์ที่งดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า เพราะเมื่อต้นไม้ผลิดอก ใบก็จะไม่ปรากฏ และเมื่อใบงอก ดอกก็จะหายไป ไม่เคยได้พบกัน

ต่อมาวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้พบดอกไม้สีแดงสดที่บานสะพรั่งไปทั่ว มีทั้งความงดงามและความโศกเศร้า พระองค์จึงรู้ถึงความลับของมันและได้นำดอกไม้นี้ไปยังแดนนิพพาน

เมื่อเข้าสู่ดินแดนแห่งพุทธะ ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสงบ ดอกไม้นี้จึงต้องละทิ้งความรู้สึกเศร้าและความคิดถึงไว้เบื้องหลัง และสิ่งเหล่านั้นได้ตกลงสู่แม่น้ำว็องซวน กลายเป็นสีแดงสด

จากนั้น พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (พระแม่กวนอิมในอีกบทบาทหนึ่ง) ได้โปรยเมล็ดลงในแม่น้ำ และดอกไม้สีแดงก็เบ่งบานขึ้นเหนือผิวน้ำ กลายเป็น “ม่านจูซาฮวา” ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำดวงวิญญาณไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด

ส่วนดอกไม้อีกประเภทหนึ่งที่อยู่กับพระพุทธเจ้าในแดนนิพพาน กลับกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อนด้วยโลกีย์ เรียกว่า “ม่านดาราฮวา” หรือ “ดอกไม้แห่งพุทธะ” ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของดอกฮิกันบานะ

ดังนั้น ดอกฮิกันบานะจึงมีสองสีหลัก ได้แก่

  • สีขาว: แทนความสงบ ไม่มีความปรารถนา ไม่ทุกข์ ไม่ยึดติด 
  • สีแดง: แทนความเศร้า การพลัดพราก และความโหยหา

ลักษณะและประเภทของดอกฮิกันบานะ

ลักษณะและประเภทของดอกฮิกันบานะ

ดอกฮิกันบานะเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุหลายปี อยู่ในวงศ์ Amaryllidaceae โดยมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 40–100 เซนติเมตร พืชมักพบได้ทั่วไปตามริมทุ่งนา ข้างถนน เชิงเขา หรือแม้กระทั่งในบริเวณสุสาน

จุดที่ควรระวังคือหัวของต้นดอกฮิกันบานะ เนื่องจากมีสารพิษชื่อว่าไลโครีน (Lycorine) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแอลคาลอยด์ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทได้หากสัมผัสหรือรับประทานเข้าไป

ความโดดเด่นของดอกฮิกันบานะอยู่ที่ดอกซึ่งมักจะออกเป็นช่ออย่างสวยงาม กลีบดอกยาวและมักมี 5–7 ดอกย่อยในหนึ่งช่อ เมื่อบานจะคลี่ออกหลายทิศทาง ราวกับกำลังรับเอาพลังของฟ้าและดิน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ดอกไม้ชนิดนี้จะไม่ออกใบในช่วงที่ออกดอก และเมื่อมีใบ ดอกก็จะไม่บาน ทำให้ดอกและใบของดอกฮิกันบานะไม่มีวันได้พบกัน เปรียบเสมือนโชคชะตาที่ถูกกำหนดให้แยกจากกันตลอดกาล

ประเภทของดอกฮิกันบานะ

ปัจจุบันดอกฮิกันบานะมีทั้งหมด 5 สีหลัก ได้แก่ สีแดง สีขาว สีชมพู สีเหลือง และสีม่วง

ดอกฮิกันบานะสีแดง

ด้วยสีแดงสดที่โดดเด่นสะดุดตา ดอกฮิกันบานะสีแดงถือเป็นสีที่พบมากที่สุดในบรรดาทุกสี แต่เบื้องหลังความสดใสนั้น กลับแฝงไว้ด้วยความหมายของการจากลา ความเศร้า และความรักที่ไม่สมหวัง

ดอกฮิกันบานะสีขาว

ดอกฮิกันบานะสีขาวเปี่ยมไปด้วยความงามอันบริสุทธิ์ สง่างาม และปราศจากสิ่งเศร้าหมอง แตกต่างจากดอกสีแดงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดอกสีขาวเป็นเพียงภาพแห่งความทรงจำของความรักที่ไร้เดียงสา

ดอกฮิกันบานะสีชมพู

ดอกฮิกันบานะสีชมพูเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความงามแบบผู้หญิง และความหลงใหลอย่างแรงกล้า

ดอกฮิกันบานะสีเหลือง

แม้จะสดใสไม่แพ้ดอกสีแดง แต่ดอกฮิกันบานะสีเหลืองก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับแสงแดด ยามแรกเห็นอาจดูสดใสร่าเริง ทว่าลึก ๆ แล้ว ดอกสีเหลืองยังสื่อถึงการจากลาตลอดกาล ไม่อาจได้พบเจอกันอีก แต่ในใจยังคงมีภาพของคนที่รักอยู่เสมอ

ดอกฮิกันบานะสีม่วง

ดอกฮิกันบานะสีม่วงเป็นที่หลงใหลของใครหลายคน เพราะเป็นสีแห่งความมั่นคงในรัก แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดมากเพียงใด ความรักนั้นก็ยังคงบริสุทธิ์ดั่งวันแรกที่เริ่มรัก และยังสื่อถึงการได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากการพลัดพราก

วิธีปลูกและดูแลดอกฮิกันบานะ

วิธีปลูกดอกฮิกันบานะที่บ้าน

  • การเลือกดินปลูก: ควรเลือกพื้นที่ที่ดินร่วนซุย ชุ่มชื้น และมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี ในการปลูก ให้ฝังหัวดอกฮิกันบานะลงไปประมาณ 2/3 หรือ 3/4 ของขนาดหัว และเว้นระยะห่างระหว่างหัวอย่างน้อย 10 เซนติเมตร
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูก: สามารถปลูกดอกฮิกันบานะได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีที่สุดและให้ดอกที่สวยงามมากขึ้น
  • การเลือกตำแหน่งปลูก: ควรเลือกปลูกในที่มีแสงแดดอ่อนหรือที่ร่มบางส่วน ดอกฮิกันบานะจะบานเร็วขึ้นหากปลูกในที่ร่ม โดยปกติ ดอกจะบานอยู่ประมาณ 2–3 สัปดาห์
  • การรดน้ำ: หากปลูกในที่ร่ม รดน้ำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าปลูกในที่แดดจัด ควรรดน้ำทุกวันเพื่อรักษาความชื้น โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเริ่มบาน ควรรดน้ำทุกวันเพื่อช่วยให้ดอกอยู่ได้นานขึ้น

วิธีดูแลดอกฮิกันบานะ

  • การตัดแต่งใบ: ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งบ่อย แต่เมื่อใบเริ่มเหลือง ควรตัดทิ้งทันที เพราะใบเหล่านี้อาจดูดซับสารอาหารจากหัว และส่งผลต่อการออกดอกในอนาคต
  • การใส่ปุ๋ย: สามารถใส่ปุ๋ย NPK หรือปุ๋ยหมักละลายน้ำ และรดให้ต้นทุก ๆ 2 เดือน แต่อย่าใส่ปุ๋ยให้กับหัวที่เพิ่งปลูกใหม่ ควรใส่เฉพาะหัวที่มีรากและเริ่มงอกใบแล้วเท่านั้น
  • ปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืช: ดอกฮิกันบานะมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแมลงรบกวน แต่ศัตรูพืชที่ควรระวังคือหอยทาก วิธีป้องกันคือ วางถ้วยใส่เบียร์เล็ก ๆ ใกล้ ๆ ดอกไม้ แล้วฝังลงดินให้ปากถ้วยอยู่สูงจากพื้นเล็กน้อย (ประมาณ 2–3 ซม.) กลิ่นเบียร์จะล่อให้หอยทากเข้ามาและตกลงไปในถ้วย ไม่สามารถทำลายต้นไม้ได้อีก
  • ข้อควรระวัง: ดอกฮิกันบานะเป็นพืชที่ไม่มีใบ ส่วนของหัว (ราก) มีพิษร้ายแรง เพราะมีสารไลโครีน (lycorine) ซึ่งสามารถทำลายระบบประสาทได้

ข้อควรระวังในการปลูกและดูแลดอกฮิกันบานะ

แม้ว่าดอกฮิกันบานะจะมีความหมายเกี่ยวกับความเศร้า ความสูญเสีย และการพลัดพราก แต่หากปลูกไว้ในบ้าน ดอกไม้นี้กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของสายใยที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ที่มีชีวิตอยู่กับบรรพบุรุษของตระกูล

ในทางฮวงจุ้ย การปลูกดอกฮิกันบานะไว้บริเวณหน้าบ้านหรือใกล้ประตูทางเข้ายังเชื่อกันว่าจะช่วยนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความสำเร็จมาสู่ผู้อยู่อาศัย

ดังนั้น หากคุณชื่นชอบดอกไม้ชนิดนี้ ก็สามารถปลูกไว้ในบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาหรือดวงของครอบครัวเลยค่ะ

ชื่นชมความงามของดอกฮิกันบานะ

ดอกฮิกันบานะ (3)

ดอกฮิกันบานะ (15)

ดอกฮิกันบานะ (14)

ดอกฮิกันบานะ (13)

ดอกฮิกันบานะ (12)

ดอกฮิกันบานะ (11)

ดอกฮิกันบานะ (10)

ดอกฮิกันบานะ (9)

ดอกฮิกันบานะ (8)

ดอกฮิกันบานะ (7)

ดอกฮิกันบานะ (6)

ดอกฮิกันบานะ (5)

ดอกฮิกันบานะ (4)
ดอกทานตะวัน – ความหมาย วิธีปลูก และความงดงามของดอกไม้แห่งแสงแดด

ดอกฮิกันบานะสีฟ้า – ความหมาย ลักษณะ และเรื่องราวในตำนานที่น่าหลงใหล

หวังว่าหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว คุณจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตำนานและความหมายอันลึกซึ้งของดอกฮิกันบานะ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบดอกไม้ชนิดนี้ ก็สามารถลองปลูกไว้ที่บ้านเพื่อเพิ่มความสวยงามและบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ให้กับพื้นที่อยู่อาศัยของคุณได้นะคะ

Bài viết liên quan