ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการทำความรู้จักกับเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และเป็นสาเหตุหลักของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง รวมถึงมะเร็งชนิดอื่นๆ ในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย การรู้เท่าทัน HPV และการป้องกันที่ถูกวิธี เช่น การฉีดวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรอง เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
HPV คืออะไร?
HPV ย่อมาจาก Human Papillomavirus คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อกันได้ทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์ก่อให้เกิดหูด และบางสายพันธุ์เป็นสาเหตุของ มะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งชนิดอื่นๆ เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปาก และมะเร็งลำคอ
HPV ถือเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยมากในคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ แม้จะมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียว ก็มีโอกาสติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว
เชื้อ HPV ติดต่อได้อย่างไร?
HPV ติดต่อกันผ่าน:
- การมีเพศสัมพันธ์ทั้งแบบช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก
- การสัมผัสผิวหนังหรือเยื่อบุที่ติดเชื้อ
- การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น มีดโกนหรือผ้าเช็ดตัว (แม้โอกาสน้อย)
ผู้ที่ติดเชื้อ HPV บางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ และสามารถหายได้เอง แต่บางรายเชื้ออาจยังคงอยู่และพัฒนาไปสู่โรคร้ายแรงในระยะยาว
HPV และความเสี่ยงต่อมะเร็ง
- มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer):
เชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกกว่า 70% ทั่วโลก - มะเร็งช่องคลอดและปากช่องคลอด:
พบในผู้หญิงที่มีการติดเชื้อ HPV อย่างเรื้อรัง - มะเร็งอวัยวะเพศชายและทวารหนัก:
เกิดจากสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงของ HPV เช่นกัน - มะเร็งในช่องปากและลำคอ:
ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
การป้องกัน HPV
- ฉีดวัคซีน HPV:
- วัคซีน HPV เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9–26 ปี ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์
- ปัจจุบันมีวัคซีน 2-4 สายพันธุ์ เช่น Cervarix, Gardasil และ Gardasil 9
- ใช้ถุงยางอนามัย:
แม้ไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ - ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก:
- ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไปควรตรวจคัดกรองสม่ำเสมอ เช่น Pap smear หรือ HPV DNA test
- หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน:
การมีเพศสัมพันธ์กับคนเดียวอย่างปลอดภัยจะลดโอกาสติดเชื้อ
อาการที่ควรเฝ้าระวัง
โดยทั่วไปการติดเชื้อ HPV ไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก แต่หากมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์:
- มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีตกขาวผิดปกติ
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- มีหูดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ HPV
Q: ผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV หรือไม่?
A: ควร! เพราะผู้ชายสามารถติดเชื้อและแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ รวมถึงลดความเสี่ยงต่อมะเร็งทวารหนักและอวัยวะเพศ
Q: ติดเชื้อ HPV แล้วหายได้ไหม?
A: ส่วนใหญ่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เองภายใน 1–2 ปี แต่บางรายเชื้อคงอยู่และกลายเป็นมะเร็งได้
Q: ถ้าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ยังฉีดวัคซีนได้ไหม?
A: ได้! วัคซีนยังช่วยป้องกันสายพันธุ์อื่นๆ ที่คุณยังไม่เคยติด
JD คืออะไร? รู้จักแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์จากจีนที่มาแรงระดับโลก
Crypto คืออะไร? คู่มือสำหรับมือใหม่เข้าใจคริปโตเคอร์เรนซีแบบง่ายๆ
สรุป
HPV เป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้และมีผลกระทบร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่ตรวจพบแต่เนิ่นๆ การให้ความรู้เกี่ยวกับ HPV การฉีดวัคซีน และการตรวจคัดกรองเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก